เรียนคุณโจโจ้ ที่นับถือ
เป็นที่ทราบกันว่าวันที่ 19 ธ.ค.นี้ เป็นอีกวันที่มีความสำคัญต่อวงการกีฬาบ้านเรา โดยเฉพาะทิศทางกีฬา มวยสากล เพราะวันดังกล่าวจะมีการ ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย และในมิติที่น่าสนใจและจับตาเป็นพิเศษคือการเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ทดแทนคนเดิมที่หมดวาระมาอย่างยาวนาน
เมื่อพูดถึงมวยสากลต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมของคนไทยและเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ และสร้างความสุขให้กับคนไทยมาอย่างช้านาน
แต่ในระยะหลังผลงานของนักชกเสื้อกล้ามไทย โดยเฉพาะในมหกรรมโอลิมปิกกลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร หากย้อนกลับไปใน 3 ครั้งล่าสุดนับแต่ลอนดอน 2012 ต่อด้วยริโอ 2016 และโตเกียว 2020 ขุนพลเสื้อกล้ามไทยยังไม่สามารถก้าวไปถึงขั้นสูงสุด กระชากเหรียญทองกลับสู่มาตุภูมิและขึ้นสู่โพเดียมร้องเพลงชาติไทยเลย
ผู้ที่รู้ลึกรู้จริงเล่าให้ฟังว่าจะสมหวัง หรือล้มเหลว อยู่ที่ผู้นำองค์กร หรือนายกสมาคมที่มีส่วนสำคัญสำหรับ การกำหนดทิศทางอนาคตเพื่อให้ก้าวไปสู่เป้าหมายและบรรลุตามวัตถุประสงค์
วันนี้ “คุณโจโจ้” และแฟนกีฬาคงคิดเหมือนผู้เขียนว่า หากมองในมิติของการบริหารจัดการเราต้องยอมรับว่าในทุกระดับหากองค์กรใดได้ผู้นำ หรือ จอมทัพที่มีภาวะผู้นำอย่างแท้จริง ความสำเร็จ หรือสิ่งที่ปรารถนาย่อมตามมา
เหนือสิ่งอื่นใดหากผู้นำคนนั้นเพียบพร้อม ไปด้วยคุณสมบัติที่ประกอบไปด้วย เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ กว้างไกล สามารถเชื่อมโยงและปรับตัวได้เท่าทันการ เปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล มีองค์ความรู้ มีประสบการณ์ รู้ลึก รู้จริงมุ่งมั่นทุ่มเท มีมนุษยสัมพันธ์ และประสานสัมพันธ์กับเครือข่าย ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ก็จะประสบความสำเร็จนำมาซึ่งความเลื่อมใสศรัทธาและได้รับยกย่องและชื่นชม
ถึงวันนี้เชื่อว่าบรรดาสโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้งคงจะรู้ว่าใครคือผู้ที่สมควรจะเข้ามาเป็นจอมทัพและกุมบังเหียนเพื่อนำไพร่พลไปสู้ศึกที่กำลังจะตามมาในอนาคต
คำกล่าวที่ว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” ก็จะเป็นปัจจัยหรือองค์ประกอบสำหรับการตัดสินใจในการได้มาซึ่ง “นายกในดวงใจ” เหนือสิ่งอื่นใด จะเห็นได้ว่าวันนี้ถึงแม้ว่ายังไม่มีการเปิดหีบหย่อนบัตร แต่ด้วยกระแสมีเสียงสะท้อนมาจากสภากาแฟของวงการกีฬาและผู้เกี่ยวข้อง ออกมาให้เห็นถึงบุคคลที่เหมาะกับเก้าอี้นายใหญ่ของสมาคมกีฬาแห่งนี้อยู่เนืองๆ โดยเฉพาะสื่อมวลชนและอดีตนักชกเสื้อกล้ามทีมชาติไทย
ต่อกระแสดังกล่าวจะเห็นได้ว่า 2 อดีตฮีโร่โอลิมปิกไทย “แก้ว พงษ์ประยูร และสมจิตร จงจอหอ” ต่างออกมากล่าวไปในทางเดียวกันว่า นายกในดวงใจ ของเขาคือ “สมชาย พูลสวัสดิ์” ประธานพัฒนาเทคนิค คนปัจจุบัน ที่ได้มุ่งมั่นและทุ่มเทเพื่อสมาคมในการที่จะ ปลุกปั้นให้นักชกประสบความสำเร็จในสังเวียนระดับโลก
ถึงแม้วันเปิดหีบของการเลือกตั้งยังมาไม่ถึงแต่เพื่อเป็นการกระตุ้นให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้พึงสังวร ว่า การเลือกตั้งที่โปร่งใส ยุติธรรมปลอดจากการชี้นำ ของ “มือที่มองไม่เห็น” จึงจะถือว่านายกที่ได้มาคือ นายกที่ปรารถนาของคนทั้งมวลอย่างแท้จริง
สำหรับวาทะหรือวลีที่ใครบางคนเคยกล่าวไว้ ก่อนหน้านี้ วันนี้คงไม่สำคัญเท่ากับว่าใครคือผู้ที่มีความ “จริงใจ มุ่งมั่น” ที่จะเข้ามาทุ่มเทเพื่อวงการกีฬามวยสากลอย่างแท้จริง เขาผู้นั้นคือนายกในดวงใจที่ทุกฝ่ายเรียกหา
ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร
OOOOOOO
ผมเห็นด้วยทุกประการกับ “อ.รัฐพงศ์” องค์กร กีฬาหรือสมาคมกีฬาใดจะประสบความสำเร็จได้ขึ้นอยู่ที่ผู้นำ หรือนายกเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อน หรือกำหนดวางแผนทิศทางเพื่อสร้างความสำเร็จในเกมนานาชาติ โดยเฉพาะโอลิมปิกเกมส์ที่เราห่างหาย จากเหรียญทองมาแล้วถึง 3 ครั้ง
สมาคมใดที่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกลเข้าใจถึงปัญหาและสามารถรวบรวมจิตใจของนักกีฬาไว้ได้ความสำเร็จก็ตามมาด้วย
ที่สำคัญนายกคนนั้นต้องทุ่มเทเสียสละมีเวลาให้กับสมาคมหรือนักกีฬาอย่างเต็มที่ ต้อง “รู้จริงทำจริง จริงใจ” และมีจิตวิญญาณที่จะทำเพื่อสมาคมอย่างจริงใจโดยไม่มีสิ่งแอบแฝง
หากนายกคนใดมีคุณสมบัติตามที่กล่าวมาเชื่อว่าโอกาส หรือความสำเร็จอยู่ในมืออย่างแน่นอน ตรงกันข้าม แต่ถ้านายกคนใดไม่ตรงตามที่กล่าวมา บอกเลยมีแต่ล้มเหลว
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคำว่า “สัญญาลูกผู้ชาย” สำคัญเสมอ แค่ด่านแรกลืมคำพูดที่เคยบอกกันไว้นั้น หมายถึงไม่มีความจริงใจ แล้วแบบนี้จะบริหารสมาคม ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ทุกอย่างอยู่ที่สโมสรสมาชิกทั้ง 107 เสียงแล้วล่ะครับว่าต้องการแบบไหน อยู่ไปวันๆแบบไม่มีเป้าหมาย หรือต้องการทวงคืนความสำเร็จ
เชื่อว่าไม่มีใครมาจูงจมูกได้ อยู่ที่การตัดสินใจ ของพวกท่านทั้ง 107 สโมสรว่าต้องการแบบไหน.
โจโจ้ซัง
พฤหัสบดี 5 ธ.ค. 2567 00:00 [ 52]
อ่านต่ออังคาร 3 ธ.ค. 2567 00:00 [ 383]
อ่านต่อจันทร์ 2 ธ.ค. 2567 00:00 [ 43]
อ่านต่อศุกร์ 22 พ.ย. 2567 00:00 [ 44]
อ่านต่อพฤหัสบดี 14 พ.ย. 2567 00:00 [ 58]
อ่านต่อ