รุ้งนารายณ์ ม.รัตนบัณฑิต ดีกรีแชมป์เข็มขัด 5 เส้น วัย 28 ปี จากบุรีรัมย์ เผยเหตุที่ต้องตัดสินใจไปเป็นครูมวยที่อีโวลฟ์ยิม ประเทศสิงคโปร์ ก็เนื่องจากต้องหาเงินมาดูแลครอบครัว ซึ่งยังมีภาระค่าใช้จ่ายอีกมากมาย ถ้าขืนรอรายการชกคงไม่ดีแน่ ด้าน "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ต้นสังกัดไม่ขัดขวางแม้ว่าจะสูญเสียยอดมวยไปอีกคนหนึ่งก็ตาม ทว่ามีแต่ส่งเสริมสนับสนุนพร้อมทั้งยินดีด้วยที่รุ้งนารายณ์ได้งานมีรายได้มากกว่าแสนบาทต่อเดือน
การแพร่ระบาดโควิด-19 ในระลอกที่ 2 ได้สร้างผลกระทบอย่างมากมาย นอกจากนี้แล้วยังเป็นเหตุให้ นักมวยหลายๆคนต้องเปลี่ยนไปหาอาชีพอื่นทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รุ้งนารายณ์ ม.รัตนบัณฑิต (เกียรติหมู่ 9) อีกหนึ่งยอดมวยในสังกัดศึกเพชรยินดี ที่ได้ประกาศอำลาสังเวียนผืนผ้าใบเพื่อไปเป็นครูมวยที่ประเทศสิงคโปร์เหมือนกับนักมวยอีกหลายสิบชีวิตที่ไปขุดทองอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
โดยข้อเท็จจริงต่างๆ ทางด้านผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก รุ้งนารายณ์ จอมฝีมือจากอ.ประโคนชัย ว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง อีกทั้งเป็นความสมัครใจของตนที่ต้องการหาเงินมารเลี้ยงดูครอบครัว โดยที่ผ่านมาก็ได้มีการปรึกษาหารือกับภรรยา รวมทั้ง สุดใจ ปุ่มประโคน หัวหน้าค่ายเกียรติหมู่ 9 ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ส่วนทางเสี่ยเน้าและ เสี่ยโบ๊ท เพชรยินดี นั้นยังไม่มีโอกาสเข้าไปพูดคุยเนื่องจากไม่เกิดความสะดวกในหลายๆ อย่าง แต่คิดว่าท่านทั้ง 2 คงจะไม่ขัดขวางอะไร
"ผมเรียนจบปริญญาตรีที่ ม.รัตนบัณฑิต ชกมวยมาก็นานหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็มีครอบครัวมีลูก 1 คน ที่ต้องดูแลรับผิดชอบ ซึ่งในช่วงโควิดยอมรับว่าลำบากมากเลย ไหนจะรอรายการแถมค่าตัวก็ถูกลดลงอีกเยอะ โดยไฟต์ล่าสุดที่แพ้ให้กับ ปืนกล ต.สุรัตน์ ผมได้รับ 4 หมื่นบาท แบ่งกับทางหัวหน้าค่ายเหลือเพียง 2 หมื่นบาท ถ้าหากรออีกคงจะไม่ดีแน่ก็เลยมาปรึกษากับภรรยาดู เพราะที่ผ่านมาพี่พนมรุ้งเล็ก เกียรติหมู่ 9 ที่ไปสอนมวยที่อีโวลฟ์ยิมอยู่ก่อนหน้านี้ เขาติดต่อมาว่าสนใจจะมาเป็นครูมวยที่นี่หรือเปล่า เพราะตอนนี้ยิมมวยที่สิงคโปร์เขายังต้องการครูมวยเพิ่มอีก โดยที่สิงคโปร์การตรวจพบเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ถือว่าเป็นศูนย์แล้วระบบการป้องกันดูแลที่นั่นดีมาก ผมจึงคิดว่าควรจะไปหาเงินดีกว่า ซึ่งทางหัวหน้าค่าย สุดใจ ปุ่มประโคน แกก็เห็นดีด้วยจึงทำให้ผมรีบตัดสินใจเร็วขึ้นอย่างน้อยรายได้ต่อเดือนตกแสนกว่าบาทหนึ่งคน แต่เราก็ต้องสร้างคนใหม่ขึ้นมาทดแทนสำหรับรุ้งนารายณ์ต้องยอมรับว่าเป็นมวยฝีมือดีที่หาคู่ยากมาก จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะประกบให้เจอกับนักมวยที่เวตใหญ่กว่าเสมอ บางครั้งก็รู้สึกเห็นใจ แต่ทำไงได้ไม่งั้นก็ต้องรอรายการไปอีก ซึ่งการที่เขาจะขอเลิกมวยเพื่อไปเป็นเทรนเนอร์ครูมวยที่สิงคโปร์ เราไม่ขัดขวางอยู่แล้วมีแต่ยินดีส่งเสริมด้วยครับ"