ทำความรู้จัก “ฮิโรกิ อากิโมโตะ” นักคิกบ็อกซิ่งฟอร์มแรง ผู้ท้าชิงที่เตรียมรอโค่นบัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวตของ “กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” ในศึก ONE X ซึ่งจะถ่ายทอดสดจากสิงคโปร์ในวันเสาร์ที่ 26 มีนาคมนี้

     สำหรับ ฮิโรกิ นักสู้หนุ่มวัย 29 ปีจากญี่ปุ่น ปัจจุบันรั้งตำแหน่งผู้ท้าชิงอันดับ 2 ของแรงกิง โดยมีสถิติการชกใน ONE ที่ยอดเยี่ยม ชนะ 5 จาก 6 ไฟต์ที่ขึ้นชก โดยพ่ายให้กับ “โจเซฟ ลาซิรี” เพียงคนเดียวเท่านั้น

 กัปปิตัน vs ฮิโรกิ

     ก่อนที่ “ฮิโรกิ อากิโมโตะ" จะเขย่าบัลลังก์แชมป์โลก วันนี้เราจะไปเปิดปูมหลังที่มาที่ไป และสถิติที่น่าสนใจบนเส้นทางสายนักสู้ ของกำปั้นสายเลือดบูชิโดรายนี้กัน

1.ฝึกคาราเต้เพราะถูกบูลลี่

     ฮิโรกิ และเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ หลังจากถูกบูลลี่ในโรงเรียน โดยเริ่มต้นจากเคียวคุชิน หนึ่งในศาสตร์การต่อสู้ของคาราเต้ ที่เน้นความหนักหน่วงรุนแรง ของการเตะและออกหมัด รวมถึงมีความเร็วกว่าการต่อสู้แบบคาราเต้ทั่วไป

2.ฉายา “บัวขาวแห่งญี่ปุ่น”

      กำปั้นหนุ่มชาวญี่ปุ่นรายนี้ เริ่มลองวิชาการต่อสู้ใหม่ ๆ นอกจากคาราเต้ที่ตัวเองถนัด โดยมีโอกาสขึ้นสังเวียนคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปี และโชว์ฟอร์มดีจนได้รับฉายาว่า “บัวขาว บัญชาเมฆแห่งญี่ปุ่น” เพราะมีสไตล์ที่คล้ายคลึงกับยอดนักสู้ชาวไทย

3.กวาดแชมป์ในบ้านเกิด

     หลังหันมาเอาดีด้านการเป็นนักสู้แบบเต็มตัว ฮิโรกิ ก็คว้าแชมป์มาครองในกีฬาหลายประเภท ทั้ง มวยไทย, คิกบ็อกซิ่ง และคาราเต้ โดยคว้าเข็มขัดแชมป์ WBC มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ของญี่ปุ่น และแชมป์โลกคาราเต้ WFKO Kyokushin

4.จากครอบครัวเพื่อไล่ความฝัน

     เมื่ออิ่มตัวกับความสำเร็จในบ้านเกิด ฮิโรกิ ก็ตัดสินใจเข้ามาอยู่กับค่ายอีโวล์ฟเมื่อปี 2561 เพื่อหาความท้าทายใหม่ ๆ ในชีวิต แต่สิ่งที่ยากที่สุดในตอนนั้น คือการต้องห่างครอบครัว และลูกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น

5.อัปเลเวลสู่การเป็นแชมป์

      หลังเข้ามาสู่ชายคา ONE ฮิโรกิ ก็พัฒนาและฝึกฝนฝีมืออย่างหนัก เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง ในรุ่นแบนตัมเวตให้ได้ และปัจจุบันยังคงรักษาสถิติชนะรวด 4 ไฟต์ต่อเนื่อง กระทั่งได้สิทธิ์ขึ้นชิงแชมป์กับ “กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” ในไฟต์ที่จะถึงนี้

     ติดตามชม "ฮิโรกิ vs กัปปิตัน" ศึก ONE X 26 มี.ค.65 เริ่มตั้งเวลา 12.00 น. แนะนำให้ลงทะเบียนรับชมทาง watch.onefc.com โดยช่วงที่ 1 และ 2 ไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนช่วง 3 (6 คู่สุดท้าย) ลงทะเบียนรับชมเพียง 170 บาทเท่านั้น!